
ชีวิตเราทำงานไปทำไม ? ตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมาทำไม ในเมื่อ ทำงานก็เพื่อหาเงิน เลี้ยงชีพตามปัจจัย 4 ในการดำเนินชีวิต แล้วทำงานเก็บเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ เคยถามตัวเองว่า สัก 4-5 ล้าน มีบ้านไม่มีหนี้ รถไม่จำเป็นต้องมี มอไซต์คันเดียวก็โอเคละ แล้วยังไง กับวันนี้มาถึงจุดนี้แล้ว ทำไมเรายังต้องทำงาน หลังจากลาออกจาก Office TARAD Solutions แล้วก็คิดว่าจะใช้ชีวิตเป็นอย่างที่ตัวเองฝันไว้ ว่า เช้าตื่นขึ้นมาก็ไปออกกำลังกาย / ดูหุ้น / แล้วก็ไปหาอะไรกิน / นอน 10 วันที่ทำแล้วผ่านไป มีความสุขมากแต่ “เหงาสุดในชีวิต”
มาดู Model การดำเนินชีวิต เมื่อก่อนว่าทำไมแต่ละวัน ไม่สุข ไม่เหงา ทุกวันมีแต่รอยยิ้ม หัวเราะไปแต่ละวัน เพราะเราใช้ชีวิต 33 /33 /33

ถามว่าทำไมเหงาในช่วง 10 วันที่ผ่านมาหลังจากลาออก เพราะว่า วงกลมในชีวิตทำงานมันหายไป มันเหลือมีชีวิต ส่วนตัว (50) กับ ชีวิตครอบครัว (50) ก็เลยมีชีวิตกับหน้า Computer และ ก็ ครอบครัว ก็เลยเป็นคำตอบอีกครั้งว่า ทำไมชีวิตผมต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง ?

กลับมาในโลกของการทำงาน จาก 17 ปีที่ผ่านมาในการทำงาน อะไรคือความสุขของการทำงาน? ถ้าเราจะกลับเข้าไปทำงาน มันจะต้องไม่ไปกระทบกับ วงล้อชีวิต ของเรา งานที่จะเติมเต็มความสุขในชีวิตของการทำงานไม่ใช่ว่าเราจะทำงานเพื่อเงินละ? เหตุผลตามเนื้อหาด้านบนที่เสนอไป

เราไปทำอะไรบ้างใน 10 กว่าวัน เพื่อหาตัวเอง โดยการไปนั่งสมาธิ ภาพเก่า ๆ ย้อนมาในอดีตให้จดจำตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้า office มา ถามใจตัวเองก่อนว่า ? วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน กับ วันนี้เป็นอย่างไร ?
1. ตื่นเต้นทุกครั้งไหม ? ที่จะไปเจอสิ่งที่ท้าทายความสามารถใน office ?
2. สนุกกันมันไหม ถ้าได้ทำงานที่อยากทำ ?
3. ทุกข์กับมันไหม ? นอนหลับสนิทไหม ?
ถ้า 3 ข้อนี้มันไม่ใช่สักข้อ นั่นคือ มันไม่มีความสุขในการทำงานละ ? ตรรกะชีวิตง่าย ๆ จงมองรถยนต์ 1 คัน ที่ผลิตออกมากว่ารถยนต์จะผลิตออกมาวิ่งได้บนท้องถนน ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ และ ฟันเฟืองหลาย ๆชิ้น บริษัท ฯ ก็คือรถยนต์คันหนึ่ง เราเป็นแค่ฟันเฟืองที่เข้าไปอยู่ในรถยนต์แค่นั้น มันมี 2 กรณี คือ ฟันเฟืองเราดี แต่ไปอยู่ในรถยนต์ที่หมดสภาพ หรือ รถยนต์ยังมีสภาพดีอยู่แต่ เรานี่แหละที่เป็นฟันเฟืองหมดสภาพ
การแข่งขันเป็นสิ่งที่ดี โลกนี้คือการแข่งขัน ผิดไหม ? ที่ผมไม่อยากจะทำงานหนัก เพราะไม่รู้ว่าจะทำงานหนักไปเพื่ออะไร ? จากอดีตนอนตี 1 ตี 2 เพื่อทำงานให้เสร็จ และคิดงานอื่น ๆ ต่อ นั่นคือ สิ่งที่ผมคิดว่าผมพลาดที่สุดในชีวิตที่เกิดขึ้นกับผมเองคือ คนที่ผมรักที่สุดที่ผมใกล้ชิดที่สุด เราได้ดูแลแม่เราที่ป่วยในโรงพยาบาลเพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือนนับจากวันที่แม่เสีย 3 ปีกว่า “เหงาสุดใจในชีวิต ใครไม่เคยเจอจะได้รับรู้เลยว่าเป็นอย่างไร”
ชีวิตปัจจุบัน แม่ยาย ป่วยเป็นโรคมะเร็ง การวนเวียนอยู่กับในโรงพยาบาล คิดหรือว่าคนป่วยจะมีแต่คนสูงอายุไม่ใช่เลย คนป่วย 25 – 35 ปี เตียงคนไข้แทบไม่พอนอน โรคมะเร็งการรักษาใช่ว่าจะกินพาราแล้วหาย มอร์ฟีน ที่เราไม่รู้จัก เราก็รู้จัก คีโม ฉายแสง ศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ ผมร่วง ปากเจ็บ กินอะไรไม่ได้ น้ำหนักตัวลดลง ตัวซีดดำ นั่นคืออะไร ? นี่คือ สัจจธรรมที่เรายังไม่รู้ ถ้ารู้แล้วก็จะเห็นว่า สำคัญที่สุดคือการดูแลร่างกาย เคยมีคนบอกไว้ว่า บริษัท ฯ ขาดเรา 1 คน เขาก็หาคนมาทำงานได้ แต่ ถ้าครอบครัวขาดเราหรือคนรักไป 1 คน ไม่สามารถหาอะไรแทนได้น่าจะเป็นความจริง
ชีวิตผม อาจจะไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ต้องมีรถ ต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างตาม แฟชั่น วันนี้มาถึงจุดที่ตัวเองยืนได้แล้ว แต่ก็ยังต้องทำงาน เพราะผมตอบตัวผมเองว่าผมทำงานไปทำไม ? ทำไมต้องตัดสินใจ ลาออกจากที่ทำงานเดิม ทุกอย่างมันมีเหตุผลสำหรับการดำเนินชิวิต เพื่อให้อยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข