เยียวยาจิตใจ

เยียวยาจิตใจอย่างไรในวันที่อ่อนล้า

ถ้าร่างกายต้องกินข้าว ใจก็ต้องกินความสุขและความสบายใจเป็นอาหารหลัก เพื่อหล่อเลี้ยงให้อยากจะมีชีวิตอยู่สร้างสิ่งดี ๆ ต่อไป แต่จิตใจคนเราใช่ว่าจะอยู่แบบสุขได้ตลอด ยิ่งเป็นคนที่มองคนอื่นหรือให้คนรอบตัวนั้นอยากให้มีความสุขมากกว่าตัวเองยิ่งทำให้ใจแบกรับอะไรไว้เยอะ แล้วเมื่อเกิดอะไรที่ไม่สบายใจคิดมาก ความทุกข์ที่เจ็บของใจมักจะพาไปในจุดที่ต่ำที่สุดเสมอ ก็ไม่รู้ทำไมจะต้องไปที่ก้นเหว ไประหว่างกลางก็ไม่ได้ เพราะใจมันจำความเจ็บปวดที่สุดไว้แล้ว แล้วจะดึงจิตใจกลับมาได้ยังไงในวันที่อ่อนแรง

สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากการพึ่งพาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนรัก , คนรอบข้าง ความรู้สึกจากคำพูดให้เยียวยาจิตใจนั้น มันก็พอจะช่วยได้ ว่าเรายังเป็นคนสำคัญ,รู้สึกมีความหมาย และ อยากจะกลับมาสู้ชีวิตต่อ แต่ก็ไม่ยั่งยืน ยิ่งได้รับแบบนี้มากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งเรียกร้องเพิ่มไปอีกเท่านั้น และมันก็จะทำให้เราดูเหมือนคนอ่อนแอ แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก เพราะ ส่วนลึกของจิตใจที่เราเคยให้กับคนอื่นไปนั้นเราก็อยากให้คนรอบข้างให้ตอบแทนความรู้สึกนี้กลับมาบ้าง แต่มันเป็นการคาดหวัง เหมือนการสุ่มว่า จะมีคำพูดเล็ก ๆอะไร ที่ทำให้จิตใจเราดีขึ้น ซึ่งไม่ทุกคนที่จะทำแบบนี้และเข้าใจได้

การสร้างโลกจอมปลอมขึ้นมาในจิตใจ แล้วดึงเราขึ้นมาจากก้นเหว อาจจะดูเพ้อเจ้อ มันก็ยังดีกว่า เราอยู่ก้นเหวนานเกินไป จิตนาการไปว่า เรายังมีแม่หรือคนที่เคยสูญเสียอยู่ใกล้ ๆ ในวันที่ใจเจ็บปวด หลับตา แล้วคิดว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้ ยังคงได้รับไออุ่น จากความรู้สึกว่าโลกข้างนอกมันรู้สึกเหนื่อย,อ่อนล้า แต่ไออุ่นมันทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนมีที่ยึดเหนื่ยวทางจิตใจ ให้ใจได้รับสัมผัสกับสิ่งที่ขาดและก็อยากจะลองสู้ต่อไป มันรู้สึกดีทุกครั้งจากโลกอีกใบนึงที่สร้างขึ้นมา ทำให้ใจได้รับความสุข

ใจที่อ่อนล้า,ใจที่ไม่เข้มแข็ง เพราะจิตใจเราถูกคนอื่นกำหนดให้เป็น แบกความรู้สึกของคนอื่นไว้มากไป การคาดหวังคนของอื่นและมีผลต่อจิตใตตัวเองต้องรับแรงกดดันให้ใจจะต้องทำตามคนอื่น โดยที่เราไม่เคยบอกกับใจว่าเราพร้อมแล้วที่อยากเดินเจ็บปวดเมื่อผิดหวังไม่สมหวังกับสิ่งที่คาดหวังของคนอื่น มันช่างทำร้ายจิตใจเราอย่างมาก การออกไปเยียวยาจิตใจจากโลกภายนอกที่ไม่ต้องคาดหวัง ขี่มอไซต์ทางไกล ๆ มองทางข้างหน้า แวะคุยกับคนแปลกหน้า กับสังคมใหม่ ๆ จิตใจก็แปลกชอบที่จะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เผชิญกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ แล้วกลับมาสดชื่น

ปล่อยวางได้แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ถ้าไม่มีภาระที่แบกรับ เพียงแต่ชีวิตต้องอยู่ให้ได้ การกินให้อิ่ม,นอนให้หลับ,และการให้จิตใจตัวเองมีความสุขมันเป็นเรื่องที่ยากที่ไม่มีใครสอนต้องเรียนรู้จดจำ และ แก้ปัญหาด้วยตัวเอง วันนี้ได้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น

ในชีวิต 47 ปีของตัวเองที่เจ็บปวดจากก้นเหวในจิตใจ เยียวยาจิตใจให้ตัวเองอยู่ได้แม้จะไม่เต็ม 100 แต่ก็คิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาน่าจะจดไว้เผื่อจะได้กลับมาอ่านในวันที่ จะต้องเยียวยาจิตใจในวันที่อ่อนล้า

 

Webmaster
Anantachai

Comments

comments

Leave a Comment

*

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.