เดิมทีก็เป็นคนชอบเดินดูตลาดเกี่ยวกับร้านตู้ขายโทรศัพท์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ KPI ของพนักงานปีนี้ คือ ต้องออกไป Visit Market สำรวจตลาด ตาม Strategy ที่บริษัท ฯ ได้วางไว้ คือ Visibility Marketing (Print ads / Bill Board / POSM / Price / Broucher ) ไปมาเมื่อวาน เลยเก็บมาเขียนใน Blog ข้อสังเกตุ ต่าง ๆ และ คู่แข่งเขาคิดอย่างไร ? แผนก Mobile Phone ร้านตู้จำหน่าย เกี่ยวกับ โทรศัพท์ / Gadget ต่าง ๆ จะอยู่ในชั้น 3 ของห้างนี้
หลังจากขึ้นบรรไดเลื่อน กรณี ตั้งโจทย์ว่าเราต้องการซื้อมือถือ หรือ เปลี่ยนเครื่องละกัน ว่า ? อะไรเป็นตัวตัดสินใจ กรณี ไม่เคยอ่าน อะไรมาเลยใน INTERNET
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าปีนี้ กระแสเงินหรือเม็ดเงิน ที่ทุ่มโฆษณา ยอมยกให้ V จริง ๆ กับ อีกยี่ห้อ OP ก็ไม่น้อยน้า คือ ซัดกันกระหน่ำมาก สำหรับ Visibility Marketing (Print ads / Bill Board / POSM / Price / Broucher /TVC / Magazine คือ IMC 360 เลย)
สำหรับ ห้าง Fashion Island ก็คงเป็น 1 ในห้างของ Strategy ของหลาย ๆ ห้าง แต่ละ Brand ก็คงเก็บข้อมูลแล้วหละ ว่ายอดขายของแต่ละห้างแต่ละพึ้นที่เกิดเท่าไหร่ ถึงกล้าทุ่มงบ โฆษณา แบบจัดเต็ม เพราะ บ้านอยู่ใกล้ Lotus บางกะปิ กับ The Mall บางกะปิ บ้านที่ 2 Display ก็ไม่ต่างกันจากที่นี่มากนัก
สำหรับ โจทย์กรณี ลูกค้าไม่ได้อ่าน รายละเอียดเกียวกับมือถือ มาจากบ้าน แล้ว มา ณ ห้างนี้ ก็คงไม่ต้องบอกว่า ใครจะขายได้ ณ เพราะ ปลอมตัวไปถามมือถือ Sales V นี่โหดมาก ทั้งเสนอ / ชน / มันดีจริง ๆ นะพี่
กลับมาที่โจทย์ สำหรับการมาวันนี้ แล้ว Visibility Marketing (Print ads / Bill Board / POSM / Price / Broucher ของเราหละ
แอบไปขอถ่ายรูปเลย ก็คงไม่ได้ กลัวร้านค้า เขาเอาน้ำร้อนราดออกมา ก็ต้องปลอมตัวเข้าไปเป็นลูกค้า ก็เห็น สินค้าที่เราทำการตลาด และ ขายอยู่นะ แต่เป็น เศษ 1 ใน 80xxxx ของ ads ที่เห็นทั้งหมด อือ มี Ads ในจำนวนน้อย ในพึ้นที่ Ads จำนวนมากกว่า ทำไง กับ แผนการตลาดออกไป
- วิธีการแรก ออกไปหาอะไรกินก่อน ของหวาน แล้วปล่อยวาง เพราะในส่วนของ Traditional Media นั้น เงินเท่านั้นที่จะสู้กับเขาได้ สำหรับเราทำงาน Online ทำได้ คือ
- ทำอย่างไร ? ให้คนจะซื้อมือถือใหม่ เห็นข้อดี เปรียบเทียบแล้วว่าเราดีจริง เวลาไปซื้อ เจอ Visibility และ พนักงานขายแล้วจะไม่เปลี่ยนใจไปยี่ห้ออื่น
- ทำอยา่งไร ? จะรักษาลูกค้าเก่า เวลาเปลี่ยนเครื่องก็คงเป็นยี่ห้อเดิม
อันนั้นคือวิธีการสำหรับ Part online จริง ๆ จาก ข้อ 1 – ข้อ 2 แล้ว ลูกค้าเกิด ความอยากได้ แล้ว น่าจะมีระบบ E-Commerce ให้ลูกค้าซื้อได้ทันที แต่ เสนอไปแล้ว ยังไม่ผ่าน ก็เลย ทำได้เท่าที่ทำในแนวความคิดของตัวเอง
สำหรับ ข้อ 1 และ ข้อ 2 คงต้องทำ How – to มากขึ้น เพราะจับตัวเลขแล้ว คนเริ่มเปลียนจาก Iphone หรือ สินค้าราคาสูงมา ราคาต่ำเยอะละ แต่ การใช้งานหลาย ๆคนยังไม่ค่อยเข้าใจ เอาเป็นว่า ไป Marketing Visit มาได้ข้อคิดเห็นอะไรก็เอามาเก็บไว้ใน Blog ละกัน
Webmaster
Anantachai ittiworapong