ย้อนกลับไปเมื่อปี 2540 หรือ 10 ปีที่แล้ว ได้ทำงานที่แรก ที่ บริษัทเงินทุน เฟิสท์ ซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด มหาชน ด้วยเงินเดือนเริ่มต้นเพียงแค่ 10,000 ต้น ๆ ช่วงนั้น คอนโดที่หวังไว้ว่าจะซื้อราคาอยู่เริ่มต้นเพียง 300,000 – 500,000 บาท นั่นก็ถือว่าแพงแล้ว แต่มาปี 2550 คอนโดของแต่ละโครงการเริ่มต้นตารางเมตรละ 40,000 – 100,000 บาท เท่ากับว่าราคาขายอยู่ประมาณ 2,000,000 – 3,000,000 กว่าบาท ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ ที่ไม่ใช่ปริมลฑลปาไปเกือบ 5,000,000 กว่าบาท ถามว่าเราจะต้องผ่อนกันกี่ชาติกว่าจะได้เป็นเจ้าของ ถ้าเรามีเงินเดือนอยู่ประมาณ 20,000 บาท ใช้จ่ายต่อเดือน ตีไป 10,000 บาท เท่ากับ มีเงินเก็บเดือนละ 10,000 บาท 1 ปี เก็บได้ 120,000 บาท 10 ปี 1,200,000 บาท ผ่อนหมดไม่รวมดอกเบี้ย 20 ปี เท่ากับ 2,400,000 บาท หรือ ประมาณ 20 ปีกว่า ๆ กว่าจะได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ 1 ชิ้น แต่ถ้าคุณมีเงินเก็บไม่ถึงเดือนละ 10,000 ละ 30 ปีนั่นแหละ บวกกับอายุคุณแล้ว แก่ตายพอดี แล้วนอกจากคอนโด แล้ว รถยนต์อีก 1 คันที่ต้องรับภาระผ่อนอีก ก็เลยนึกสงสัยไม่ได้ว่า ถ้า พ่อ แม่ ไม่ได้ร่ำรวย คนทำงานทั่ว ๆ ไป โดยถึงเด็กจบใหม่ค่านิยมอันรุนแรงต่อ เทคโนโลยี ไม่ว่าจะ 20,000 หรือ 30,000 ก็ไม่หวั่นในการซื้อจะมีชีวิตอยู่ยังไงในอนาคต
วันนี้เขียนในมุมมองว่าเรามีอิสรภาพทางการเงินถึงแม้ว่าจะไม่มากมาย อะไร แต่เป็นห่วงเด็กรุ่นหลัง กับ วัฒนธรรมที่ถูกหล่อหลอมในสังคมแบบผิดทาง ค่านิยมในตัววัตถุมากกว่าความเจริญทางสติปัญญา เราเองไม่ได้เก่งมากมายอะไร แต่คิดว่าแก่ประสบการณ์คนหนึ่งในการใช้ชีวิต มองผ่านสายตาแล้ว สังคมไทยในอนาคตมันน่าห่วง เพราะ เงินมันจะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้จริง ๆ